ตลอดมามนุษยชาติต่างเคยวาดฝันว่าสักวันหนึ่ง มนุษย์จะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับหุ่นยนต์ ซึ่งจะช่วยให้มนุษย์ปลอดภัยและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ภาพฝันนี้ต่างปรากฎออกมาให้เห็นตามสื่อต่าง ๆ มาตั้งแต่ยุคโบราณ ซึ่งบ่งบอกถึงความปรารถนาอันแรงกล้าของมนุษย์ที่ต้องการเครื่องจักรที่คิดและตอบสนองกับมนุษย์ได้ และด้วยความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องทำให้ภาพฝันนี้เริ่มพัฒนาเป็นรูปเป็นร่างขึ้นทีละเล็กละน้อย จนนำมาสู่การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence (AI) ซึ่งเป็นหัวใจของการรังสรรค์ให้หุ่นยนต์หรือเครื่องจักรสามารถที่จะคิดและประมวลผลข้อมูลได้เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์
ปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence (AI) คือ สถาปัตยกรรมทางวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ที่สร้างให้หุ่นยนต์หรือเครื่องจักรมีความเข้าใจในเหตุและผล มีการเรียนรู้และตอบสนองได้เฉกเช่นเดียวกับการคิดของมนุษย์ ซึ่งสามารถ แบ่งออกได้เป็น 3 ระดับคือ
– ปัญญาประดิษฐ์เชิงแคบ (Narrow AI ) หรือ ปัญญาประดิษฐ์แบบอ่อน (Weak AI) : คือ AI เฉพาะทางที่ทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ในบางเรื่อง
– ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (General AI ) : คือ AI ที่มีความสามารถระดับเดียวกับมนุษย์ สามารถทำทุก ๆ อย่างที่มนุษย์ทำได้และได้ประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับมนุษย์
– ปัญญาประดิษฐ์แบบเข้ม (Strong AI ) : คือ AI ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ในหลาย ๆ ด้าน
ปัจจุบัน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบัน ในทุกภาคส่วน ไม่เว้นแม้กระทั่งในโลกของการศึกษา ซึ่งตลอดมาการส่งเสริมการศึกษาเป็นหน้าที่เฉพาะของคนที่เป็นครู ในการอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ และยากที่จะหาใครแทนได้ แต่ในยุคปัจจุบันนี้ ด้วยการเติบโตอย่างก้าวหน้าของ AI ทำให้ในอนาคต อาชีพครูอาจไม่ใช่เป็นอาชีพที่มีเฉพาะสำหรับมนุษย์อีกต่อไป
ทุกวันนี้เรามีการนำเทคโลยี AI เข้ามาใช้ เพื่ออำนวยการสะดวกและส่งเสริมด้านการศึกษาอย่างมากมาย ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากกับนักเรียน ร่วมถึงตัวผู้สอนเองด้วย สำหรับประโยชน์ของ AI ที่มีต่อการศึกษานั้น เราสามารถอธิบายคร่าว ๆ ได้ดังนี้
AI ลดเวลาการทำงานของครู
โดยปกติสำหรับคุณครูนอกจากงานสอนที่เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้โดยตรงแล้ว งานส่งเสริมการศึกษาอื่น ๆ เช่น งานวัดผล งานทะเบียน หรืองานธุรการต่าง ๆ ในโรงเรียน ก็มีความจำเป็นเช่นเดียวกัน การนำ AI มาช่วยในการทำงานตรงนี้ นอกจากจะช่วยลดภาระงานของครูแล้ว ยังช่วยลดความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น การตรวจการบ้านหรือการตรวจข้อสอบ ปัจจุบันมีการประดิษฐ์ซอฟแวร์ที่ช่วยในการตรวจการบ้านหรือข้อสอบที่เป็นลักษณะเลือกตอบ ซึ่งเป็นตัวช่วยให้คุณครูสามารถตรวจการบ้านหรือข้อสอบได้รวดเร็วและมีความถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการนำ AI มาใช้ในงานทะเบียนและวัดผล ในการลงทะเบียนนักเรียน จัดตาราเรียน และคำนวณเกรดเฉลี่ย ซึ่งช่วยให้เกิดความรวดเร็วและลดข้อผิดพลาดได้มาก
AI ช่วยสร้างสรรค์เนื้อหาสำหรับการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ
การเติบโตของ AI ทำให้เกิดแอบพลิเคชันในการส่งเสริมการศึกษามากมาย ส่งผลให้ผู้เรียนสามารถเรียนที่ไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่เฉพาะในห้องเรียน AI จะทำหน้าที่ประเมินผลการเรียนรู้และเลือกเนื้อหาความรู้ที่เหมาะสมกับนักเรียน นอกจากนี้ยังเป็นตัวช่วยให้คุณครูในการสร้างสรรค์เนื้อหาความรู้ต่าง ๆ โดยช่วยประมวลผลการเรียนรู้ของนักเรียน สามารถสืบค้นข้อมูลความรู้ที่เกี่ยวข้อง และจัดทำเป็นเอกสารในรูปของ E-book ได้อีกด้วย
AI ช่วยติวเตอร์ให้กับนักเรียนเป็นรายบุคคล
บางครั้งการเข้าหาครูผู้สอนแต่ละครั้งล้วนมีข้อจำกัด เช่น คุณครูอาจไม่ว่างพบ หรือไม่มีเวลาในการอธิบายเพิ่มเติม จากข้อจำกัดนี้ ทำให้มีการนำ AI มาสร้างสรรค์เป็นแอบพลิเคชันที่ช่วยติวเตอร์นักเรียนเพิ่มเติม ซึ่งจะมีการรวมรวบความรู้ให้นักเรียนได้ศึกษาในจุดที่สนใจเพิ่มเติม และนอกจากนี้ยังมีการจัดทำการทดสอบออนไลน์ เพื่อประเมินผลผู้เรียน อีกทั้งยังเป็นช่องทางพิเศษที่ช่วยให้นักเรียนปรึกษษกับคุณครูกันได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
AI เป็นอาจารย์เสมือน
ในอนาคต AI อาจจะเข้ามาทำหน้าที่แทนคุณครู ในการจัดการเรียนการสอน ซึ่งข้อดีของ AI นั้นคือความแม่นยำและการประมวลผลที่รวดเร็ว โดยที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง คุณครูในอนาคตอาจกลายเป็นผู้ควบคุม AI แล้วทำหน้าที่ในการป้อนข้อมูลที่จำเป็นต่อการส่งเสริมการเรียนรู้แก่นักเรียนให้กับหุ่นยนต์ AI เพื่อทำหน้าที่แทนตัวเอง หรือให้เป็นผู้ช่วยในการสอน ซึ่งทำให้สามารถสอนได้ปริมาณมากและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี แม้ว่า AI จะเริ่มเข้ามามีส่วนในการพัฒนาการศึกษา จนสามารถเป็นตัวแทนของครูได้ ซึ่งคุณครูหลาย ๆ ท่านมองว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะงานครูนั้นมีความหมายมากกว่าแค่การให้ความรู้เพียงอย่างเดียว แต่ก็ต้องยอมรับว่าโลกกำลังก้าวสู่ยุค AI อยู่ทุกขณะ ปัจจุบัน เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่เราใช้กับอยู่ตามปกตินั้น ล้วนมีการใส่เทคโนโลยี AI เข้าไปเพื่อช่วยให้สามารถทำงานตอบสนองกับมนุษย์ได้ดีมากยิ่งขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ในอนาคต AI จะเข้ามาทำงานแทนเรา ดังนั้นแทนที่จะกลัวว่า AI จะเข้ามาทำให้เราตกงาน เราควรที่จะเรียนรู้และรู้จักพัฒนาตัวเอง เพื่อสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ในการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะอย่างไรเสีย ความรู้สึกนึกคิด แยกแยะความดีความชั่ว และรู้จักยึดมั่นในคุณธรรมนั้นก็เป็นจุดแข็งของมนุษย์ที่ควรจะต้องเป็นผู้ควบคุมมากกว่าที่จะโดนควบคุม